ออสเตรเลียได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เกิดเหตุ “จระเข้ทำร้ายคน” สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีทั้งผู้ที่รอดชีวิตมาได้และผู้ที่เสียชีวิต จนเรียกได้ว่า มันคือผู้ล่าซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียต้องเกรงกลัว

แต่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าเข้าซะแล้ว หลังเกิดเหตุ “ฆ่าจระเข้ต่อเนื่อง” ในรัฐควีนส์แลนด์ โดยเป็นฝีมือชายปริศนาที่อ้างว่าได้ฆ่าตัดคอจระเข้ไปแล้ว 2 ตัวในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

เดวิด ไวท์ เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ชมจระเข้ท้องถิ่น เล่าว่า เมื่อเดือน พ.ค. เขาได้รับโทรศัพท์จากชายปริศนา ไม่นานหลังจากพบหัวและสันหลังของ ลิซซี จระเข้น้ำเค็มเพศเมียอายุ 40 ปี ที่อาศัยอยู่บนฝั่งของแม่น้ำเดนทรีมานานกว่า 20 ปีคำพูดจาก สล็อต888

“เขาพูดว่า ‘ตอนนี้ฉันเป็นสุดยอดนักล่า ฉันฆ่าจระเข้ได้’” ไวท์กล่าว และเสริมว่า จระเข้ลิซซีที่ถูกฆ่าตายไปนั้น เขาเป็นคนตั้งชื่อให้มันเอง “เธอคือจระเข้ตัวโปรดของผม เป็นตัวแรกที่ผมตั้งชื่อให้ ผมตั้งชื่อเธอตามควีนเอลิซาเบธ เพราะเธอชอบโบกมือให้คุณเหมือนราชินี”

นักวิทย์พบ “จระเข้ตัวเมียมีลูกเอง” แม้ไม่ได้ใกล้ชิดตัวผู้เลย 16 ปี

คุณตาชาวกัมพูชาดับสยอง ถูกลากลงไปในบ่อจระเข้ 40 ตัว

ชายออสซี่สู้จระเข้มือเปล่า ใช้นิ้วจิ้มตาจนรอดชีวิตมาได้

ไวท์กล่าวว่า ชายคนนั้นอ้างว่าเขาได้ตัดหัวลิซซี และยังพบจระเข้ขนาดใหญ่กว่ามากที่เน่าเปื่อยในอ่าวคาวเบย์เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งในคดีนั้นหัวของจระเข้ถูกตัดเอาไปด้วย ทิ้งส่วนร่างกายเอาไว้

แม้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตของลิซซีจะยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่ไวท์กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าศีรษะและกระดูกสันหลังของเธอถูกตัดออกอย่างสะอาดหมดจด บ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของมนุษย์

เมื่อวันศุกร์ (9 มิ.ย.) โฆษกหน่วยงานสิ่งแวดล้อมรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างคดีทั้งสอง และกล่าวว่าพวกเขากลัวว่าสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองจะ “ตกเป็นเป้าหมายและถูกฆ่าโดยเจตนา”

จระเข้น้ำเค็มถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 จนกระทั่งความพยายามในการอนุรักษ์ทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การโจมตีมนุษย์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ขณะนี้มีจระเข้ประมาณ 20,000-30,000 ตัวในควีนส์แลนด์ ทำให้พรรค Katter Australia เรียกร้องให้มีการกำจัดเพื่อลดประชากรพวกมัน แม้ว่าจระเข้จะยังคงถูกกำหนดให้เป็นสัตว์ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ในพื้นที่ก็ตาม

ตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมา เกิดเหตุจระเข้โจมตีมนุษย์ 42 ครั้งในควีนส์แลนด์ ในจำนวนนี้ 12 ครั้งมีผู้เสียชีวิต

ปัญหาจำนวนจระเข้มากเกินไปกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังมีการค้นพบชิ้นส่วนของชาวประมง เควิน ดาร์โมดี ในท้องของจระเข้ 2 ตัวที่ถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่ ใกล้กับจุดที่มีเรือล่มทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ในเดือนพฤษภาคม

ทอม เฮย์ส ช่างภาพและนักอนุรักษ์จระเข้ในรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า “ผมได้ทำการสืบและจำกัดผู้ต้องสงสัยจนเหลือประมาณ 4 คนที่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าจระเข้ในอ่าวคาวเบย์”

เฮย์สบอกว่า เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นเพียงที่จะสามารถติดตามตัวผู้ร้ายได้ แต่ส่วนตัวเขาไม่เชื่อว่าคดีฆ่าจระเข้อ่าวคาวเบย์กับคดีฆ่าลิซซีจะเป็นฝีมือคนร้ายรายเดียวกัน

“ถ้าคุณจะฆ่าจระเข้ตัวแรกแล้วเอาหัวไป ทำไมคุณถึงฆ่าจระเข้ตัวอื่นแล้วไม่เอาหัวไปด้วย” เขากล่าว และเสริมว่า เป็นไปได้ว่าสายที่โทรหาไวท์อาจเป็นความพยายามในการกลั่นแกล้ง

ไวท์เองก็มองว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้เช่นกัน เนื่องจากเขามักถูกแกล้งและล้อเลียนเรื่องที่เขามีความผูกพันกับจระเข้ “พวกเขาไม่เข้าใจว่าผู้คนสามารถผูกพันกับจระเข้ได้อย่างไร แต่สำหรับผม มันก็เหมือนกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว การตายของมันเป็นโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง”

การฆ่าจระเข้ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองในบางรัฐของออสเตรเลีย ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย บทลงโทษสูงสุดสำหรับการทำร้ายหรือการฆ่าจระเข้โดยเจตนาในควีนส์แลนด์คือปรับเป็นเงิน 32,243 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 755,000 บาท)

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP